ยูไนเต็ดภายใต้การคุมทีมของรูเบน อโมริม ผ่านเข้ารอบหลังถล่มแอธเลติก บิลเบา รวมสองนัด 7-1 ขณะที่สเปอร์สของอังเก้ ปอสเตโคกลู เอาชนะโบโด กลิมท์จากนอร์เวย์ 5-1

ศึกชิงศักดิ์ศรีและความหวังสุดท้ายของฤดูกาล
ยูไนเต็ดหวังคว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งที่สองในรอบ 8 ปี ขณะที่สเปอร์สกำลังล่าแชมป์ยุโรปครั้งแรกในรอบ 41 ปี และเป็นถ้วยแรกในรอบ 17 ปี

นี่จะเป็นครั้งที่ 6 ที่สองทีมจากอังกฤษเจอกันในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรปรายการใหญ่ และเป็นครั้งที่ 3 ที่มีสเปอร์สเกี่ยวข้อง

เปรียบมวยก่อนเกมใหญ่
สเปอร์สดูได้เปรียบจากสถิติในฤดูกาลนี้ โดยเอาชนะยูไนเต็ดไปแล้ว 3 นัดรวด (พรีเมียร์ลีก 2 นัด และลีกคัพอีก 1 นัด)

อย่างไรก็ตาม อโมริมเชื่อว่ายากที่ทีมจะแพ้คู่แข่งเดิมถึง 4 ครั้งในฤดูกาลเดียว:
“หากมองตามสถิติ มันยากที่ทีมจะพ่าย 4 ครั้งติดในฤดูกาลเดียว มันอาจเป็นแรงจูงใจให้เราคิดในแง่บวก” อโมริมกล่าว

เกล็น ฮอดเดิล อดีตกองกลางระดับตำนานของสเปอร์สก็เห็นด้วย:
“มันยากมากที่จะเอาชนะทีมจากพรีเมียร์ลีกได้ถึง 4 ครั้งในฤดูกาลเดียว มันจะเป็นศึกใหญ่แน่นอน สเปอร์สอาจได้เปรียบในตอนนี้ แต่ยูไนเต็ดจะกระหายล้างแค้น”

เสียงจากตำนานปีศาจแดง
พอล สโคลส์ อดีตมิดฟิลด์แมนฯ ยูไนเต็ด มั่นใจว่าทีมเก่าจะคว้าแชมป์
“ยูไนเต็ดเหมือนเรอัล มาดริดในบางครั้ง – แม้ฟอร์มไม่ดีแต่ก็ยังคว้าแชมป์ยุโรปได้อยู่ดี ประวัติศาสตร์ของยูไนเต็ดบอกผมว่า พวกเขารู้วิธีเป็นผู้ชนะ ส่วนสเปอร์สยังไม่เคย”

นอกจากแชมป์แล้ว ผู้ชนะยังได้ตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลหน้า ทำให้มีทีมอังกฤษในรายการดังกล่าวถึง 6 ทีม